วันศุกร์, มกราคม ๐๕, ๒๕๕๐

เขาว่าผมเป็นประธานาธิบดี


“ในวันที่ภูเขาไฟคำรามลั่นราวกับจะปะทุไฟลาวาลงมาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ท่านประธานาธิบดีของเราก็เดินเข้าป่าใกล้ภูเขาไฟไปสวดมนต์สื่อสารกับเจ้าแห่งเมอราบีเช่นปกติที่ผ่านมาทุกๆ วัน…”
เรื่องนี้ เพื่อนของผมเล่าให้ฟังอีกทอดหนึ่ง มันเป็นเรื่องแสนธรรมดาทั่วไปที่มักจะพบได้ในนวนิยายหรือเรื่องสั้นในแถบถิ่นบ้านเรา-ผู้คนแห่งชวากลาง โดยเฉพาะในเมืองยอร์คจาการ์ตาร์ เรียกชายชราผู้นี้ว่า “ท่านประธานาธิบดี!”
“ใช่! ครับ เขาเป็นประธานาธิบดีจริงๆ..” ดอนี่ย้ำ เมื่อผมถามอย่างแปลกใจว่า นอกจากประธานาธิบดีคนปัจจุบันแล้ว ยังมีประธานาธิบดีอื่นอีกหรือ หรือว่าในปัจจุบันประเทศนี้มีผู้นำสองคน
ผมไม่เจอเพื่อนคนนี้มานานหลายปี เราเจอกันครั้งแรกที่ยอร์คจาการ์ตาร์บ้านเกิดของเขา และเขาเป็นคนนำพาผมไปเที่ยวชมบุโรพุทโธ หนึ่งในความใฝ่ฝันของผมที่จะได้ชมมหาวิหารชาวพุทธกลางเมืองมุสลิม ซึ่งยังมีคนนับถือฮินดูผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินแต่เก่าก่อนหลงเหลืออยู่รอบพุทธสถานและใกล้ๆ กับแนวภูเขาไฟของเมือง
เราเจอกันอีกครั้งในงานประชุมการผลิตสื่อซึ่งจัดขึ้นที่มาเลเซียเป็นเวลาสิบวัน ในช่วงเวลาการประชุมผมแทบจะไม่ได้คุยเรื่องราวส่วนตัวสู่กันฟังเลย จนเมื่อจบงาน เขาได้เลื่อนตั๋วเครื่องบินเพื่อร่วมรับรู้การเฉลิมฉลองวันชาติของมาเลเซีย ส่วนผมนั้นซื้อตั๋วขาเดียวบินมาและยังไม่แน่ใจว่าจะกลับบ้านทางใด ผมจึงมีโอกาสได้ฟังเรื่องท่านประธานาธิบดีของเขา ในห้องของโรงแรมสูงแห่งเกนดิ้ง
“แน่นอน สำหรับผมแล้วเขาเป็นยิ่งกว่าประธานาธิบดีเสียอีก… เขาเป็นชายชราผู้หนึ่งที่อาศัยอยู่ใกล้กับภูเขาไฟเมอราบี ใครต่อใครเรียกเขาว่า ท่านปู่มารีล จัน ในวันที่ภูเขาไฟคำรามลั่นคล้ายจะปล่อยไฟลาวาลงมาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ปู่มารี จัน ก็เดินเข้าป่าใกล้ภูเขาไฟไปสวดมนต์สื่อสารกับเจ้าแห่งภูเขาไฟเช่นปกติที่ผ่านมาทุก ๆ วัน…”
ดอนี่เล่าด้วยสีหน้ากึ่งจริงจังกึ่งขำขัน บางทีเขาอาจจะขบขันเพราะผมออกอาการไม่เชื่อในเรื่องที่เขาเล่าเอาเสียเลย กล่าวได้ว่า การเชื่อเรื่องผีหรือเทพเจ้าในแบบศรัทธายิ่งใหญ่นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้แล้วในปลายศตวรรษที่ 21 ยิ่งเขาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังในใจกลางเมืองที่ทันสมัยแห่งกัวลาลัมเปอร์ด้วยแล้ว ยิ่งดูราวกับว่า เขาแต่งเรื่องขึ้นมาให้ผมฟังแกล้มเบียร์ขณะรอคอยพลุไฟเฉลิมฉลองวันชาติมาเลย์
“เรื่องยิ่งกว่าจริงเลยแหล่ะ เรื่องนี้เป็นข่าวดังในชวาและอินโดนีเซียอยู่หลายเดือน ขนาดจาร์กาตาร์โพสต์ยังลงข่าวเลย…”
“ผมยังไม่ได้แย้งว่ามันควรจะเชื่อหรือไม่ ผมว่ามันเป็นเรื่องเล่าเท่านั้น…” ผมแก้ต่าง
“ใช่ มันเป็นเรื่องเล่าดังไปถึงฝรั่งเศสเชียวล่ะ และนี่คือสิ่งที่ผมอยากจะหัวเราะออกมาด้วย…”
เมื่อพลุไฟแห่งการปลดปล่อยชาติครบรอบปีที่ 49 ได้เริ่มขึ้น ดอนี่จึงหยุดเล่าเรื่องคุณปู่มารี จัน ปล่อยสายตามองฟ้ายามดึกแต่งแต้มด้วยดวงแสงสีส่งสายพาดโดมฟ้า ไม่นานมันก็หรี่ดับลงจนมืด เหลือเพียงแสงไฟนีออนตามถนนหนทางและจากอาคารสูงใหญ่ ดูๆไปคล้ายปรากฏการณ์ปะทุของภูเขาไฟ ไม่นานก็ดับวูบเหลือเพียงรอยแต้มดำหม่นและความโศกเศร้าหมองไหม้ หากคุณหนีไฟลาวานั้นไม่ทัน หรืออาจจะคล้ายความเชื่อของผู้คนในสมัยนี้จะมีสักกี่มากคนที่เชื่อมั่นในความเป็นชาติอย่างแท้จริง เช่นเดียวกันกับจะมีสักกี่คนที่เชื่อศรัทธาในเทพเจ้าหรือพระเจ้าของตน…
หลังจากที่ผมรับเสื้อสกรีนรูปคุณปู่มารี จัน พร้อมข้อความเป็นภาษาอินโดนีเซีย แล้วผมก็ล้อดอนี่ว่า คุณปู่ดูคล้ายสมุนของบินลาเดน เขาจึงบอกว่า สำหรับเขาแล้วคุณปู่มารีล จัน มีหัวใจใหญ่ยิ่งกว่าบินลาเดน และแน่นอน ศรัทธายิ่งกว่าด้วย
คุณปู่เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษในตระกูลของคนที่ถือกุญแจติดต่อกับเทพเจ้าแห่งเมอราบี ในชวามีเทพเจ้าสำคัญอยู่สองตนคือเทพเจ้าแห่งภูเขาไฟซึ่งเป็นผู้ชาย และเทพเจ้าแห่งทะเลลึกซึ่งเป็นผู้หญิง โดยธรรมเนียมของคนที่จะมาเป็นกษัตริย์ในอดีตต้องได้เสพสมกับเจ้าแห่งทะเลลึกก่อนจึงจะได้ขึ้นมาครองอำนาจ ส่วนเจ้าแห่งภูเขาไฟเป็นเจ้าแห่งการก่อเกิดและทำลายล้าง คุณปู่มารี จันจึงมีฐานะเทียบเท่าสุลต่าน แกทำหน้าที่สวดมนต์สื่อสารกับเจ้าแห่งภูเขาไฟโดยไม่เคยขาดแม้สักวันเดียว หรือจะพูดได้ว่า ภูเขาไฟเมอราบีอยู่ใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวกับแก
วันหนึ่งทางการทราบรายงานจากนักวิทยาศาสตร์ซึ่งแปรข้อมูลมาจากดาวเทียมอีกทอดหนึ่งว่า ภูเขาไฟเมอราบีจะระเบิดปะทุออกมาในอีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า ทางราชการจึงมีคำสั่งให้อพยพโยกย้ายผู้คนในรอบรัศมีของภูเขาไฟออกมาให้หมด หนังสือพิมพ์ตีพิมพ์ข่าวจนชาวบ้านชาวช่องแห่อพยพจากรอบภูเขาไฟลงมาในเขตปลอดภัยกันหมด ยกเว้น คุณปู่มารีล จัน
เหตุนี้จึงทำให้ทางการส่งคนไปบอกข่าวแกคุณปู่ แต่แกก็ไม่ยอมลงมา ผู้สื่อข่าวตีข่าวในช่วงแรกว่า แกเป็นคนผีบ้าตนสุดท้ายที่รอคอยให้ลาวาภูเขาไฟหลอมละลาย เรื่องจึงร้อนถึงสุลต่านดังเปลวไฟจากเมอราบีไหม้ลวก เพราะท่านรู้ว่าคุณปู่เป็นใคร และโดยตำแหน่งสุลต่านซึ่งมีความสัมพันธ์กับหน้าที่ของคุณปู่ผู้ถือกุญแจภูเขาไฟมาแต่โบราณ น่าจะเชิญแกลงมาจากภูเขาไฟได้
บ้านของคุณปู่อยู่ใกล้ชิดกับปล่องภูเขาไฟที่สุด โดยวางตัวชิดชะเงื้อมภูหินก้อนหนึ่งซึ่งบังยอดปล่องภูเขาไฟเอาไว้ เมื่อสุลต่านไปถึงบ้าน ท่านคงไม่ทันสังเกตว่า หากลาวาไหลมาก็จะถูกภูผาบังไว้ไม่เข้ามาหลอมบ้านของคุณปู่ อย่างไรก็ตาม ควันเขม่าจากภูเขาไฟคงเพียงพอแล้วที่จะปลิดชีวิตชายชราอายุเกือบแปดสิบปีคนนี้ได้
“ท่านต้องลงจากภูเขาลูกนี้แล้วล่ะ คุณปู่ไม่รู้รึว่า มันใกล้จะระเบิดอยู่เต็มทีแล้ว?” สุลต่านน่าจะกล่าวกับคุณปู่มารีล จัน เช่นนี้ หรืออาจจะพูดว่า “ท่านจะตายเป็นหินอยู่กับภูเขาไฟน่ะ” แล้วคุณปู่ก็ตอบด้วยความสงบเยือกเย็น อีกทั้งด้วยความนอบน้อมว่า “ใช่แล้วครับเจ้านาย ข้ารู้ดีว่า เมอราบีเป็นอะไร?”
“มันเป็นอะไร? ท่านก็ต้องลงจากภูเขาไฟโดยด่วน!” สุลต่านคงจะเพิ่มระดับเสียงเข้มขึ้นอย่างผู้มีอำนาจ
“ข้าสืบทอดกุญแจแห่งภูเขาไฟมาแต่ครั้งอดีตของพ่อข้า ของปู่ ของพ่อของปู่ข้า จนวันนี้ข้าก็ยังทำหน้าที่ของข้าอยู่ หากเมอราบีเป็นอะไรไป ข้าก็จบสิ้น หากข้าสิ้น เมอราบีก็สิ้น… ด้วยความเคารพครับท่าน ข้าอยู่ในเจ้าแห่งเมอราบี และเจ้าแห่งเมอราบีก็อยู่ในข้า ท่านสุลต่านก็รู้และได้รับสืบทอดเรื่องเหล่านี้มาเช่นเดียวกันมิใช่หรือครับ?”
คนติดตามของสุลต่านอาจจะหัวเราะในสิ่งที่คุณปู่พูด แต่สุลต่านกลับโกรธขึ้งขึ้นมาในพลัน “เราขอสั่งเจ้าให้ลงไปจากภูเขาไฟเดี๋ยวนี้!” หน้าของสุลต่านอาจจะแดงจนขับความคล้ำของผิวให้ไปซ้อนอยู่ใต้ไรผม ทว่าคุณปู่มารีล จันยังตอบอย่างสงบและหนักแน่น
“ด้วยความเคารพครับท่าน ข้าไม่รู้ว่าท่านเอาอำนาจอะไรมาสั่งข้า หากท่านถอดชุดเครื่องแบบออก ท่านก็มีค่าเป็นคนเช่นเดียวกับข้า มีแต่เจ้าแห่งเมอราบีเท่านั้นที่สั่งข้าได้!”
สุลต่านโกรธจัดจนหันหลังกลับลงมาจากภูเขาไฟเสียเอง หนังสือพิมพ์เช้าวันต่อมา พาดหัวข่าวเป็นทำนองว่า อำนาจของสุลต่านก็ไม่อาจสั่งคุณปู่ได้ มารีล จัน เป็นยิ่งกว่าสุลต่าน ข่าวออกมาเช่นนี้ย่อมทำให้ชาวบ้านเริ่มสงสัยว่าทางการต้องการอะไรกันแน่ ที่สั่งให้คนย้ายออกจากบ้านของตน ดูอย่างคุณปู่มารีล จันก็ไม่ย่อมลงมา หรือว่าภูเขาไฟจะไม่ระเบิดออกมาจริง?
มีคำวิจารณ์ไปต่างๆ นานา แต่ที่แน่นอน คำพูดส่วนใหญ่สั่นคลอนความเชื่อต่อรัฐบาลท้องถิ่น และหากให้เรื่องเช่นนี้ดำรงอยู่ย่อมหมายถึง การท้าทายอำนาจรัฐชาติสมัยใหม่ ผู้สื่อข่าวหลายคนในเมืองหลวงจาร์กาตาร์จึงเข้าไปขอความเห็นจากประธานาธิบดี อาจด้วยความรำคาญและอาจจะเป็นการคาดหมายว่า หากประธานาธิบดีเชิญให้คุณปู่มารีล จัน ลงมาได้ก่อนถึงวันกำหนดระเบิดของภูเขาไฟตามรายงานทางวิทยาศาสตร์ ย่อมสร้างชื่อเสียงให้ประธานาธิบดีที่ห่วงใยแม้กระทั่งชายชราผู้บ้าคลั่งคนหนึ่ง ที่สุดก็ย่อมหมายถึงอำนาจรัฐจะได้ไม่ต้องถูกท้าทายไปมากกว่านี้…

แล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่ท่านประธานาธิบดีตัวจริงได้นั่งเครื่องบินมาเชิญคุณปู่มารีล จัน ลงจากเชิงภูเมอราบี หลายคนไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านประธานาธิบดีของประเทศจึงสนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ ทว่าในประเทศที่มีพระเจ้าเป็นประมุขใหญ่ตัวจริงแล้ว สิ่งเล็กสิ่งน้อยในสายพระเนตรของพระองค์ก็ไม่เคยหลงลืม ชีวิตคุณปู่มารีล จันจึงมีความสำคัญเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ข้อสงสัยอีกอย่างหนึ่งที่ดังกระหึ่มไปทั่วเกาะชวาก็คือว่า แล้วคุณปู่ต้องการอะไรกันแน่จึงตั้งใจจะยอมพลีชีวิตแก่ลาวาภูเขาไฟ?
ในวันที่ประธานาธิบดีไปถึงนั้นบริเวณเชิงภูซึ่งเป็นเขตปลอดภัยและพื้นที่ใกล้เคียง ยังมีรถบรรทุกไม้วิ่งเข้าออกจากเทือกเขา เรือนรีสอร์ทและกิจกรรมของเหล่าคนร่ำรวยยังดำเนินไปเช่นไม่มีเหตุเภทภัยอันใดจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การร้องคำรามของเจ้าเมอราบีไม่มีผลอันใดต่อพวกเขาเหล่านั้นเป็นแน่ และเป็นไปได้ว่า พวกเขาคงมีความเชื่อศรัทธาอีกแบบต่อภูเขาไฟลูกนี้ โดยไม่มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ไหนสนใจติดตาม
เมื่อประธานาธิบดีไปถึงบ้านคุณปู่ แกก็ออกมาต้อนรับอย่านอบน้อมตามฉบับผู้เฒ่าชวาดั้งเดิม “ด้วยความเคารพครับท่านเจ้านาย มีอะไรให้ผมรับใช้หรือขอรับ?” น่าจะเป็นถ้อยคำทักทายจากคุณปู่ หลังจากท่านประธานาธิบดีได้นั่งลงในห้องรับแขกเรียบร้อยแล้ว
“เหตุใดคุณปู่จึงไม่ยอมอพยพลงมาจากภูเขาไฟที่ใกล้จะระเบิดอยู่รอมร่อครับ?” ประธานาธิบดีคงจะตั้งขอสงสัยเช่นนี้ และคงจะเป็นข้อสงสัยเดียวกันกับผู้ติดตามและชาวชวาทั่วไป
“ด้วยความเคารพครับท่านเจ้านาย… “ คุณปู่เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วอาจจะกล่าวต่อว่า “ท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดภูเขาไฟจึงร้องครางสั่นสะเทือน?” คุณปู่มารีล จัน กล่าวยังไม่ทันจบก็มีเสียงครืนครั่นหวั่นไหวมาตามสายลมแห่งภูเขา
ประธานาธิบดีและผู้ติดตามเริ่มตกใจกลัวแล้วกล่าวละล่ำละลักว่า “ไม่รู้สิ…” สักพักเสียงต่างๆ ก็เงียบลง นายทหารคนสนิทจึงสะกิดให้ท่านประธานาธิบดีรีบเจรจา เผื่อว่านักวิทยาศาสตร์อาจจะพยากรณ์ผิดพลาด
“ท่านประธานาธิบดีอยากรู้ไม่ขอรับ ว่าทำไมเมอราบีจึงเป็นเช่นนั้น?… ด้วยความเคารพครับท่าน”
ประธานาธิบดีคงมีความใคร่รู้อยู่ก่อนแล้วจึงสะกดความกลัวเอาไว้ เช่นเดียวกับคณะผู้ติดตามที่กดข่มเสียงหัวเราะไว้ในอกอยู่นาน ท่านประธานาธิบดีมาพูดเล่นกับเฒ่าผีบ้าอยู่ได้อย่างไร? ในขณะที่ผู้สื่อข่าวคอยบันทึกคำพูดสนทนาอยู่คำต่อคำ พร้อมกล้องถ่ายรูปสาดแสงวิบวาดไปตรงสองคนนั้น
“ก็อยากรู้อยู่ว่า เหตุใดคุณปู่จึงยอมพลีชีพให้เมอราบี…” ประธานาธิบดีพูดยังไม่ทันจบ คุณปู่มารีล จันจึงขอแทรกขึ้นมากลางคันอย่างนอบน้อมและเด็ดเดี่ยวว่า
“ด้วยความเคารพครับท่าน เช่นนั้นแล้วท่านต้องนอนที่นี้สักคืน เพื่อเรียนรู้จักเจ้าแห่งเมอราบีว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น…”
“ได้ขอรับ! ด้วยความเคารพครับท่านประธานาธิบดี”
คุณปู่พูดยังไม่ทันจบความ นายทหารคนสนิทจึงพูดออกมาเสียงแข็งกร้าวแบบทหาร ทว่าพอใจเพียงให้เป็นการล้อเลียนคุณปู่และต้องการจะกำราบความเย่อยิ่งของแก แต่เขาคงลืมไปว่าการเจรจาครั้งนี้ได้กระทำกันต่อหน้าสื่อมวลชน ซึ่งอออยู่เต็มหน้าประตูบ้าน การรายงานสถานการณ์สดของวิทยุโทรทัศน์ก็ได้แพร่ข่าวกระจายไปแล้วในทันทีนั้น “ประธานาธิบดีได้ตอบรับคำเชิญของคุณปู่มารีล จัน ที่ให้นอนฟังเสียงเจ้าแห่งเมอราบีด้วยกันในค่ำคืนนี้…”
การปฏิเสธจึงเป็นเรื่องที่เสื่อมเสียเกียรติของอำนาจเป็นอย่างยิ่ง ในขณะที่คำพยากรณ์ของนักวิทยาศาสตร์ก็ยืนยันว่าเภทภัยยังมาไม่ถึง และในห้วงเวลาเดียวกัน คณะผู้ติดตามชั้นปลายแถวที่ได้ยินเสียงการสนทนาไม่ชัดก็ได้ขนสัมภาระเครื่องนอนของท่านประธานาธิบดีขึ้นมาที่บ้านคุณปู่แล้วอย่างงงๆ

เรื่องมันจึงดำเนินไปเช่นนี้แหล่ะ ดอนี่กล่าว ด้วยอารมณ์ขบขันแกมหวาดกลัวแผ่กระจายมาทั่วในห้องของเราด้วย ผมกลัวอย่างยิ่งว่าเรื่องจะจบลงเพียง ‘พรุ่งนี้เช้าคุณปู่มารีล จันก็เยื้องย่างพาร่างชราลงจากภูเขาเมอราบี พร้อมคณะของท่านประธานาธิบดี’
เมื่อผมยกเบียร์ขึ้นซดอีกกระป๋อง แล้วเปิดอีกกระป๋องส่งให้ดอนี่ เขาก็เล่าต่อราวกับอ่านใจผมได้อย่างชัดเจน เช้าวันรุ่งขึ้นคุณปู่ก็ยังไม่ยอมลงมา เพียงแต่ย้ำกับท่านประธานาธิบดีว่า “อย่าลืมน่ะขอรับ เจ้าแห่งเมอราบียังไม่ได้คิดจะทำร้ายลูกหลานในเวลานี้ แต่จะมีการตักเตือนเพียงเล็กน้อย… อย่าลืมน่ะขอรับ ด้วยความเคารพครับท่าน” ไม่มีใครรู้ว่าในค่ำคืนนั้นท่านประธานาธิบดีได้พูดอะไรกับคุณปู่บ้าง รู้กันแต่เพียงว่ามีคำสั่งด่วนในค่ำนั้นให้เจ้าหน้าที่จัดการทำความสะอาดพื้นที่รอบภูเขาไฟเป็นการใหญ่ โดยห้ามตัดไม้และขนไม้ออก ห้ามขุดภูและการสร้างรีสอร์ทรอบภูเขาไฟอย่างเด็ดขาด
ในยามเช้าที่พระอาทิตย์ทอแสงอยู่เหนือภูเขาของเมือง ชาวบ้านจึงได้อ่านข่าวร้อนพาดหัวหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งเกือบเหมือนกันทุกฉบับในทำนองว่า “มารีล จัน ประธานาธิบดีแห่งเมอราบี สั่งชำระบาปรอบภูเขาไฟ” แต่ไม่มีรายงานว่า ท่านประธานาธิบดีทั้งสองได้เดินเข้าป่าใกล้ภูเขาไฟไปสวดมนต์สื่อสารกับเจ้าแห่งภูเขาไฟด้วยกัน
ด้วยเหตุนี้เองที่ดอนี่ได้กล่าวว่า คุณปู่มารีล จัน มีศรัทธายิ่งกว่าบินลาเดน ความศรัทธาที่อยู่เหนือเหตุผลทางวิทยาศาสตร์แห่งโลกยุคดิจิตอลคือสิ่งที่คอยหลอกหลอนผู้คนในต้นศวรรษที่ 21 การพลีชีพชีวิตร่างกายของตนคืออาวุธอันยิ่งใหญ่ ทว่าจะมีใครสักกี่คนที่ใช้โดยไม่ทำลายผู้อื่น…
พลุไฟกลืนหายไปกับท้องฟ้าสีหม่นดำ ผู้คนบนท้องถนนหลบหายเข้าไปในร้านรวง ผมและดอนี่หมดเสบียงประกอบเรื่องเล่า เราจึงลงจากโรงแรมมาสำรวจราตรีวันชาติ รถราแทบจะไม่เหลืออยู่บนท้องถนนแล้ว เราจึงเดินลงมาแสดงความเป็นเจ้าของเสียแทน ผ่านทางเข้าผับเหล้าแห่งหนึ่งซึ่งซ้อนตัวอยู่บนชั้นสอง เราจึงลองแวะเข้าไปชม ทว่าเมื่อวางเท้าบนบันไดขั้นที่หนึ่งเท่านั้นก็มีสาวฝรั่งนางหนึ่งเยื้องย่างลงมา เราถามหล่อนว่า ใช่ร้านเหล้าหรือเปล่า หล่อนตอบด้วยเสียงที่แผ่ความเมามายออกมาด้วยว่า เสียใจร้านใกล้จะปิดแล้ว หล่อนแนะนำว่าให้ลองหาในบาร์ของโรงแรมหรือหากต้องการราคาถูกและมีเพลงฟังก็ต้องที่บ้านพักหล่อนเท่านั้นเอง เราอึ้งกับหางเสียงคำบอกอยู่ครู่ยาม หล่อนจึงลากเท้าโยกซ้ายขวาจากไป
ผมเกือบจะก้าวตามหล่อนไปแล้ว ทว่าดอนี่รั้งเอาไว้แล้วเขาก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่มีอะไรที่จะกระตุ้นให้ต่อมสนุกคึกคัก พวกนี้อยู่เมืองหนาวไม่ค่อยได้อาบน้ำหรอก เขาพูดแล้วชวนผมกลับ มันเกี่ยวอะไรกันล่ะ ผมถาม เขาไม่ตอบ เมื่อถึงห้องเขาจึงเล่าว่า การที่ฝรั่งไม่ชอบอาบน้ำนี้ไม่ใช่คำพูดของเขาเอง แต่เป็นถ้อยคำของคุณปู่มารีล จัน
“ในที่สุดแล้วภูเขาไฟระเบิดบึมออกมาหรือเปล่า” ผมถาม
“ไม่แน่นอน แต่เกิดแผนดินไหวระดับค่อนข้างสูงในยอร์คยา ตามคำบอกของคุณปู่ว่านี่คือการสั่งสอน เรื่องนี้จึงดังและถูกยกระดับไปสู่นักวิชาการกับนักเคลื่อนไหวทางสิ่งแวดล้อมในฝรั่งเศส ที่นี่แหละ จึงมีเทียบเชิญมาจากฝรั่งเศสให้คุณปู่ไปบรรยาย… ถึงตอนนี้เองที่ผมอยากหัวเราะขึ้นมาเมื่อกี้” เขาเล่าทิ้งไว้แค่นั้นแล้วเขาก็ขอหลับโดยไม่ต้องอาบน้ำก็แล้วกัน เผื่อว่าจะได้มีแฟนเป็นฝรั่งกับเขาบ้าง
ผมนอนจินตนาการดูอยู่นานก่อนที่จะหลับ ว่าคุณปู่มารีล จัน จะตอบรับคำเชิญหรือไม่ ชาวบ้านคงจะค่อยติดตามข่าวนี้กันระทึกใจเช่นเดียวกับผมในตอนนี้แน่ ส่วนใหญ่แล้วคงเข้าใจกันได้ว่า ไม่มีอะไรจะมาพรากคุณปู่มารีล จันออกไปจากบ้านเชิงภูเมอราบีได้ เรื่องเล็กๆ เช่นนี้ยิ่งทำให้ผมนึกอยากเขียนถึงแกขึ้นมา ผมเลยเก็บเอามาฝันในคืนนั้นว่า คุณปู่มารีล จัน มาบอกเลขให้ผมถูกล็อตเตอรี่
รุ่งเช้าผมต้องรีบตื่น ตัดสินใจจะเดินทางกลับไทยด้วยรถบัสจากกัวลาลัมเปอร์สู่หาดใหญ่ ผมกะจะแวะพักปีนังสักคืนสองคืน ก่อนขึ้นรถแท็กซี่ผมเกือบลืมเรื่องคุณปู่มารีล จัน เสียแล้ว หากดอนี่ไม่พูดขึ้นมาว่า “อย่าลืมประธานาธิบดีมารีล จันน่ะ…”
“สุดท้ายคุณปู่ปฏิเสธใช่ไหม”
“คุณเขียนลงไปในเรื่องสั้นได้เลย…” เขายิ้มแล้วยักคิ้วให้ผม “…ก็เพราะได้ยินมาว่าสาวฝรั่งเศสสวยคุณปู่จึงตอบตกลง แล้วจบประโยคสุดท้ายด้วย… ก็เพราะเขาว่าผมเป็นประธานาธิบดี”
ก่อนร่ำลาจากกัน ผมหัวเราะกับเขาอยู่นาน และพลันนึกถึงนายกรัฐมนตรีของเราขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล แล้วจึงเขียนคำว่า ‘เขาว่าผมเป็นประธานาธิบดี’ ไว้ในสมอง


'รัตน์ คำพร : เขียน, ประเภทงาน : เรื่องสั้น

ไม่มีความคิดเห็น: