วันอังคาร, สิงหาคม ๒๖, ๒๕๕๑

ในแผ่นดินพญานาคา : รายงานไม่ประจำวัน

เช้ามาอีกเช้าฟ้าเทฝนเช่นเช้าก่อนๆ ดั่งเดียวกับตะวันที่หลบหน้าไปเกือบทุกเช้า ราวกับจะไม่มีอะไรใหม่สดให้เชยชม นอกเสียจากใบไม้ใบหญ้าเขียวสด ผมยังไม่ทันหลับ เวลาเช้าก็มาทักทายพร้อมโทรศัพท์นัดหมายงาน ผมมัวอ่านหนังสือ ‘รอบบ้านทั้งสี่ทิศ’ ของกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ เสียเพลิน ฝนหล่นกระทบหลังคาไหลลื่นลงชายบ้าน ชวนให้คิดเห็นเป็นบรรยากาศแบบฝนแปดแดดสี่ของทางภาคใต้ ใช่แล้ว เดือนกว่ามานี้ เมืองริมฝั่งน้ำโขงแห่งนี้มีอารมณ์ฟ้าฝนแดดร้อนอบอ้าวแบบทางใต้เสียราวกับเส้นรุ้งเส้นแวงเปลี่ยนตำแหน่ง อากาศเช่นนี้ทำให้คร้านเสียเกือบทุกอย่าง รวมถึงนัดพูดคุยกึ่งสัมภาษณ์กับปราชญ์เจียงฮายท่านหนึ่งก็อยากจะเลื่อนออกไป
ผมออกเดินไปท่ารถเมล์ซึ่งอยู่ไกลจากบ้านพักไปกว่าสองกิโลเมตร รถมอเตอร์ไซล์หมดน้ำมันและครั้นจะปลุกใครสักคนให้ไปส่งก็น่าละอาย -เรื่องเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยกับผม รวมทั้งการตื่นขึ้นมาสูดอากาศสดชื่นหลังคืนฝนตกหรือคืนไหนก็แล้วแต่ ไอฝนต้องผิวทางและซอกซอยดูอวลอายลอยขึ้นสู่ฟ้าอย่างเนิบช้า ตะวันค่อยๆส่องแดดข้ามโขงมาสู่เมือง เกล็ดทรายรายทางพราวยิ้มรับยามเช้า เหตุการณ์อย่างนี้ไม่ได้เกิดขึ้นประจำวันหรอก ผมจึงเดินมุ่งหน้าสะพายย่ามและกระเป๋ากล้องถ่ายรูปด้วยเหงื่อชุ่มกายไปขึ้นรถเชียงของ-เชียงราย หลังจากกินอาหารเช้าและเติมกาแฟให้ร่างกายที่ร้านหน้าตลาดสด รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นอีกมากแม้จะไม่ได้นอนมาทั้งคืน ผมนั่งสังเกตรอบเมืองทั้งสี่ทิศอีกครั้ง ชีวิตต่างดำเนินไปตามทางราวกับสายโขงไหลสู่ทะเล หากเราไม่สังเกตให้ดี บางทีเราอาจจะสูญเสียภาพบางอย่างไป บางทีเราอาจไม่รู้เลยว่า ท่ามกลางรายงานข่าวจากแดนไกลอันมากมาย ท่ามกลางสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง คนข้างตัวหรือรอบบ้านเราก็เปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน...
ขณะที่อาซิ้มเจ้าของตึกเช่าใกล้ท่ารถเรียกเก็บเงินแม่ค้าขายปลาบนทางเท้าของเทศบาลและได้โต้คารมกับลูกค้าของแม่ค้าปลาอยู่นั้น ผมก็กระโจนขึ้นรถเมล์มุ่งหน้าสู่เมืองใหญ่ใกล้ลุ่มน้ำกก ผมคิดดูแล้วระหว่างเรากับสภาพอากาศใครเปลี่ยนไปกันแน่ ไม่มีรายงานประจำวันการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้ให้เห็นชัดเลย หากเราไม่สังเกตด้วยตนเอง
ระหว่างทางขณะที่รถวิ่งผ่านหน้าฐานทหารพรานเกิดเสียงดังคล้ายปืนหรือระเบิดของบางสิ่งบางอย่างขึ้น รถเมล์หยุดกึกลงทันที หญิงวัยทำงานสองคนโผตื่นจากหลับด้วยตกใจ คนอื่นๆก็ลุกมองซ้ายขวาเช่นกัน ผมลงจากรถพร้อมกับลูกน้องรถ ปรากฏว่ายางรถล้อหลังเส้นในด้านขวาเกิดระเบิดขึ้น รถยังไปต่อได้และมาเปลี่ยนยางสำรองที่ร้านใกล้สามแยกแห่งหนึ่ง ผมลองนึกเล่นๆ และเผลอพูดกับคนขับออกไปว่า หากเป็นภาคใต้เกิดเสียงระเบิดเช่นนี้ขึ้นจะรู้สึกอย่างไร และผู้สื่อข่าวจะรายงานข่าวอย่างไร?
เรื่องราวระหว่างทางทั้งหมดที่เล่ามานี้ ไม่เกี่ยวกับเป้าหมายการเดินทางในวันนี้ของผมเลย ผมนัดหมายกับพี่กวีที่เคารพเพื่อมาหาปราชญ์เจียงฮาย ด้วยเหตุผลเรื่องแม่น้ำโขง เราไปหาคุณชรินทร์ แจ่มจิตต์ ที่สำนักงานหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นซึ่งผลิตมากว่าสิบปีแล้ว หลังจากนั้นจึงพากันไปกินอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารริมบ่อเลี้ยงปลาแห่งหนึ่ง สักพักหลังจากทักทายและถามถึงที่มาที่ไปกันดีแล้ว คุณชรินทร์ก็ระเบิดคำถามตรงมายังเรา-นักศึกษาน้อยเรื่องแม่น้ำโขงว่า รู้ไหมคำว่า แม่น้ำของหรือแม่ของในคำของคนเมืองหรือยวน-ลาวมาจากอะไร
เราทั้งสองตอบไปแทบจะทันทีว่า ไม่แน่ใจ มีหลายที่มา แกบอกว่า หนึ่งจากภาษาที่เขาเรียกว่า ขรนทีน่าจะมีที่มาจากคำเขียนตัวเมืองซึ่งจารึกไว้บนหินที่หนองกระแสหรือทะเลสาบเฮ่อไห่เป็นตัว ‘กะละ’ ซึ่งหากลากหางใส่ก็อ่านว่า กะลอมหรือกรอม หรือขอมได้ด้วย นั่นหมายถึงแม่น้ำของคือแม่น้ำที่ไหลจากทะเลสาบที่มีตัวจารึกว่า ขอม หรือแม่น้ำของคนขอม และขอมนี้แกว่าคือขอมซึ่งหมายถึงคนที่อยู่ทางใต้ลงมาถูกเรียกว่า กรอมหรือขอมทั้งหมด ขอมมีทั้งขอมดำและขอมอื่นๆ เป็นไปได้ว่า อาณาบริเวณของขอมแต่ก่อนกว้างไกลจากเหนือคือทะเลสาบเฮ่อไห่จนลงใต้ถึงเขมรปัจจุบัน
ข้อมูลเรื่องเล่าความก่อนเกิดเหล่านี้ทำให้ผมตาตื่นทั้งๆที่ยังไม่ได้หลับได้นอนมาเลย แทบจะมองเห็นคำว่า กะละอยู่ตรงหน้า ทั้งๆที่ผมเคยไปเที่ยวทะเลสาบแห่งนี้มาแล้ว ทว่าก็ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ประการที่สองแกเล่าอีกว่า ในสมัยสุวรรณโคมคำนั้นมีท่าหนึ่งชื่อท่าสวนดอก มีการกรองดอกไว้บูชากันทั้งหมู่บ้าน ท่าสวนดอกนี้คือตำแหน่งแห่งที่ผู้รู้หลายคนระบุว่าอยู่ตรงข้ามเมืองสุวรรณโคมคำ คำว่ากรองในภาษาน่าจะเพี้ยนต่อมาว่า ของ หมายถึงแม่น้ำที่ผ่านเมืองกรองดอกหรือของดอก การอธิบายความหมายประการหลังนี้ไม่แน่ชัดนักต้องศึกษาต่อ แต่ผมว่าในทางการศึกษาแล้ว ยิ่งคำอธิบายความหมายแม่น้ำของหรือโขงยิ่งมากยิ่งเพิ่มความขลังให้แม่น้ำสายนี้
ว่าก็ว่าเถอะเรื่องเกือบทุกเรื่องยิ่งเล่ายิ่งรายงานยิ่งเพิ่มความหมาย และความหมายเหล่านั้นก็ยิ่งห่างจากครั้งแรกที่มันเป็น แม้ผมจะนั่งคิดสืบค้นความหมายมาบนรถถึงเรื่องราวประจำวันนี้ มันก็ยิ่งไกลออกไป และเช่นเดียวกันยิ่งเราสืบค้นเรื่องราวใกล้ตัวเช่นเรื่องแม่น้ำที่ไหลผ่านเมืองมันก็ยิ่งลึกไปไกลจนไม่รู้ที่มาแท้จริงเช่นกัน
เหตุใดหนอเราจึงไม่รู้เท่าทันอะไรเลย เราแทบจะไม่เท่าทันการเปลี่ยนไปของเรื่องราวรอบบ้าน เรื่องในเมือง เรื่องของสถานการณ์ประเทศ แล้วผมจะเขียนรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างไรดี ยิ่งคิดตามผมยิ่งตาค้างจนกระทั่งฝนตกลงมาในย่ำค่ำแล้วจึงหลับตาลง...
นพรัตน์ ละมุล : เขียน

ไม่มีความคิดเห็น: