วันพฤหัสบดี, ตุลาคม ๑๘, ๒๕๕๐

วันเบาๆ

สายลมตะวันตกพัดพามาถึงแม่น้ำโขงพร้อมกับเจนนี่...คล้ายสายลมแห่งความเกรี้ยวกราดรีบเร่ง แต่ต้องการความเอื่อยช้ารินไหลเป็นไปได้ว่าเธอต้องการอีกสายลมหนึ่งปลอบประโลมโลกที่หมุนในใจเธอ อาจจะกล่าวว่ามุ่งหน้าสู่ตะวันออก ณ ที่หนึ่งที่ใดที่ผ่อนคลายจักรกลชีวิตให้งอกงามเติบโต เช่นต้นไม้หรือสัตว์ดิบเถื่อนดึกดำบรรพ์ สายน้ำโขงอาจจะกล่าวต้อนรับเธอไปแล้ว หรือเธอน่าจะทักทายสายน้ำด้วยกาแฟอุ่นๆ สักแก้วในร้านริมฝั่งน้ำ แสงแดดสวัสดียามเช้ากับลมหนาวจากตอนเหนือเมื่อเวลาเจ็ดโมงครึ่งเจนนี่จึงออกมาจากห้องนั่งพิงเก้าอี้โบราณหน้าห้อง ใช้ดวงตาสีฟ้าแย้มยิ้มให้สายน้ำและแสงแดด ไกลออกไปอีกฝั่งคืออาณาจักรที่จะเดินทางไปให้ถึง ผีเสื้อปีกเหลืองร่อนล้อกับดอกเสี้ยวม่วงแกมขาวพวงใบจับกิ่งคล้ายปีกผีเสื้อ เจนนี่อาจจะเห็นว่าผีเสื้อปีกเขียวเกาะพราวไปทั่วทั้งต้นแล้วมันก็พร้อมใจกันบินหนีภัยพรึ่บว่อนสู่ฟ้า เช้าที่แทรกแซมด้วยหย่อมเมฆเหนือขุนเขาไกลโพ้น เจนนี่มานั่งที่ร้านกาแฟใต้ต้นเสี้ยวพร้อมกลิ่นสายลมตะวันตก อันที่จริงไม่มีใครแยกสายลมออกจากกันเป็นตะวันออกหรือตะวันตกได้ บางทีมันเป็นเพียงความเงียบงันสุดหยั่งที่เธอจะเข้าใจ บางครั้งคือความสับสนวุ่นวายที่ต้องไล่คว้าในห้วงเวลาของการผ่อนพักอันยาวนาน และการหลีกหนีความหนาวเหน็บเช่นนกอพยพบินมาอาศัยทางตอนใต้ของลุ่มน้ำโขงแสนไกลแต่เหมือนใกล้ ในแต่ละจิบอุ่นขมหวานเดินผ่านเข้าสู่ผีเสื้อหลากสีสีฟ้าเธอเคยชอบแต่ห่างหายไปนาน บางทีเธออาจจะเคยมีความรักต่อสีฟ้าแล้วสีเหลืองที่บินว่อนอยู่นั้นไปไหนราวกับเป็นคำถามรอบถ้วยกาแฟรอบโลกสีขมหม่นเล็กๆ หนุ่มผมยาวเจ้าของร้านละลืมที่จะสังเกตมันเขาน่าจะรู้แต่เพียงว่าใต้พุ่มใบต้นเสี้ยวเริ่มมีความวุ่นวายเล็กๆ และอาจจะเป็นไปได้ว่าต้นเสี้ยวรับรู้เพียงการต่อสู้ของเจ้างูเขียวกับกิ้งก่าสีฟ้าอมม่วง...กอดรัดกัดขบกันจนม้วนตกลงมาสู่กิ่งล่างสุด ชั่วเวลานั้นเป็นไปอย่างธรรมดาที่สุดแสนเรียบง่าย และพอจะเข้าใจได้เขาตอบคำถามถึงสถานที่เที่ยวท่องอย่างสงบ คำต่อคำไม่มากไม่เกินกว่านี้ บางทีเจนนี่อาจจะได้คำตอบมากกว่าการเปิดหนังสือแนะนำการเดินทางหน้าต่อหน้า เกลียวสายกาแฟในแก้วเหือดหายไปแล้ว เจนนี่ได้ยินใบเสี้ยวกล่าวทักด้วยการร่วงลงมาสัมผัสไหล่คล้ายโลกทั้งสองจะเปิดเข้าหากัน เขาจึงชี้ชวนให้เจนนี่ดูงูกำลังโอบรัดกิ้งก่าอาจจะเป็นสัญชาตญาณอาจจะเป็นเช่นสิ่งที่อยากรู้มานานการโอบกอดต่างเผ่าพันธุ์ ุุ๋์เจนนี่รู้สึกคล้ายกับคลื่นจากเรือกระทบฝั่งโผกระแทกครั้งแล้วครั้งเล่าจนสร่างซา มันอาจจะสงบนิ่งอยู่นาน และเมื่อเพียงผีเสื้อกระพือปีกเธอก็ได้กลายเป็นท้องฟ้าที่โอบรัดโลกไปแล้วปลายหางสีเขียวอ่อนแต้มด้วยจุดดำๆ ม้วนรัดกิ่งไม้แข็งแน่นลำตัวกระหวัดรอบเจ้ากิ้งก่าสี่ห้ารอบแล้วผงกหัวชูคออ้าปากกว้างคล้ายจะกลืนกินเหยื่อ กิ้งก่ากล้ำสู้อ้ากรามออกตั้งรับเลือดในตัวมันพุ่งซ่านจนกลายเป็นสีม่วงเข้มไปทั่วหัว เธอว่าเหมือนคนรักโอบกอดกันในวันสุดท้ายก่อนจากพรากเขาว่านี่คือทางรอดและความตาย
เขาจึงลุกขึ้นเดินไปขย่มต้นเสี้ยวผีเสื้อสีเขียวอ่อนบินหนีไปนานนักแล้วคงจะตกใจกลัวการปะทะกันของทั้งสองชีวิตบนต้น ใบแห้งและดอกร่วงหล่นมาพร้อมกับงูเขียวและกิ้งก่า บนพื้นทางเท้างูเขียวคลายอ้อมรัดอันเมามายกิ้งก่าเนื้อตัวสั่นสะท้านด้วยตกใจ มองหน้าทั้งสองด้วยงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ขณะเจ้างูเขียวรีบเลื้อยเลี้ยวลงไปริมฝั่งเขาวิ่งตามงูลงบันไดท่าน้ำ ในทันทีที่ผืนหนังเขียวอ่อนของมันกระทบผืนน้ำพร้อมการเลื้อยลอยแล่นทวนน้ำขึ้นไปทางทิศเหนือของแม่น้ำโขง ราวกับขนาดลำตัวของมันแผ่ขยายใหญ่ออกไปจนเต็มลำน้ำแผงเกล็ดเปลี่ยนเป็นสีนิลวับวาว เขาหยุดชะงักราวกับโดนมนุษย์ใต้ดินกระชากเท้าไว้
เขาวิ่งกลับมาใต้ต้นเสี้ยวอีกครั้งหลังจากที่เจนนี่ยืนกุมมือขวาของตนที่มีเลือดไหลอาบนิ้วโป้ง กิ้งก่าหายไปแล้วเธอบอกเขาด้วยสีหน้าหวาดหวั่นว่าเมื่อเธอเอื้อมมือลงไปจะช่วยมัน มันกัดนิ้วแล้วมุดดินหายไป ในทันทีแดดอุ่นโลมไล้มาจนถึงม้านั่งเธอยังปล่อยมือขวาให้เขาดูดเลือดออกจากนิ้วโป้ง ริมผีปากแดงสดราวกับเขาเพิ่งกินหลู้เลือด เธอเผยอริมฝีปากโผล่ปลายลิ้นถูริมปากตนทั้งสองเปิดโลกลึกลับต่างแดนสนทนาแก่กัน เรื่องราวนับพันหลั่งไหลออกมาโอบกอดกันและกันแล้วค่อยๆ เคลื่อนหมุดหมายวันหยุดเบาๆ ไปอีกสู่ราวฟ้าสีฟ้าตรงฟากฝั่งตะวันออกของแม่น้ำยังรออยู่…
ตอนสายของวันนั้นชายหนุ่มปิดร้านหายไปกับกลิ่นสายลมตะวันตกซึ่งมุ่งหน้าสู่ฝั่งลาว…

เรื่องสั้น : 'รัตน์ คำพร
เรื่องสั้นเรื่องนี้เคยลงพิมพ์ใน กรุงเทพธุรกิจ จุดประกายวรรณกรรม : ฝากกันไว้อ่านอีกครั้งหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น: