วันพฤหัสบดี, ตุลาคม ๑๘, ๒๕๕๐

วารี

ในตอนที่ผมอายุห้าขวบ ผมจำไม่ได้แล้วว่า ผมอยากเป็นอะไร พวกผู้ใหญ่ชอบถามคำถามแบบนี้กันดีนัก ผมแกล้งตอบไปว่า อยากเป็นคนคีบถั่วเขียวใส่ขวดปากแคบ ทั้งๆ ที่จำได้ว่า สมัยนั้นแม่และพ่อของผมเป็นคนรินน้ำใส่แก้ว และลุงข้างบ้านหน้าตาคล้ายพวกแขกอินเดียเป็นคนคีบถั่วทุกชนิดใส่กระทะ
ผมชื่อวารี แม่ผมชื่ออารี ส่วนพ่อผมชื่อนที ชื่อของผมจึงได้นัยมาจากพ่อและเล่นคำให้พ้องกับแม่
ส่วนตาของผม จำได้ว่า ทำงานธนาคาร ยายเป็นครู
ทุกคนต่างยินดีที่ผมโตขึ้นทุกวัน และจะเป็นผู้ใหญ่ไม่วันใดก็วันหนึ่ง พวกเขาหวังว่าผมจะโตขึ้นมาเหมือนแม่ หรือไม่อย่างน้อยก็เหมือนพ่อ
ในตอนที่ผมเป็นวัยรุ่น พ่อเริ่มเบื่อหน่ายต่อการเป็นคนรินน้ำใส่แก้ว อีกอย่างหนึ่ง พ่อบอกว่า ต้องแสวงหาความก้าวหน้าและรายได้ให้กับครอบครัวเพิ่มขึ้น พ่อจึงลาออกจากงานเดิม มาเป็นนักเลือกตั้ง งานนี้ได้แรงแอบหนุนจากตาซึ่งเป็นนายธนาคารมีชื่อในเวลานั้น และการเลือกตั้งในยุคนั้นเป็นงานที่นิยมกันอย่างมากในประเทศของเรา
พ่อมีหน้าที่ไปเลือกตั้งในทุกวัน โดยการกากบาทในช่องบนกระดาษที่เจ้านายเตรียมไว้ หากเพื่อนร่วมงานทุกคนกาได้ตรงในช่องเดียวกันก็จะประสบความสำเร็จในหน้าที่ของแต่ละวัน ทว่าหากกากบาทได้ไม่ตรงกัน ทุกคนก็ต้องเริ่มต้นกันใหม่
การกากบาทให้ได้ตรงกันของทุกคนเป็นเรื่องใหญ่โตมากในแต่ละวัน นายจะนั่งหงุดหงิดอยู่หลังโต๊ะกากบาทหากวันนั้นทำงานไม่สำเร็จ แต่หากสำเร็จตรงกันหลายครั้ง พ่อก็จะได้โบนัสมาเลี้ยงข้าวและซื้อของฝากให้ผมกับแม่
พ่อออกจากบ้านในทุกเช้าเพื่อไปเลือกตั้ง
แม่ออกจากบ้านไปทุกเช้าเพื่อรินน้ำใส่แก้ว
นานๆ ครั้ง ผมจึงมีโอกาสไปที่ทำงานของพ่อกับแม่ ส่วนใหญ่แล้วผมจะสนใจการทำงานของพ่อมากกว่า เพราะคนเยอะดี อีกทั้งมีความตื่นเต้นในที่ทำงานมากกว่า และผมคิดว่าโตขึ้นผมอยากเป็นนักเลือกตั้งเช่นเดียวกับพ่อ
อยู่มาวันหนึ่ง มีเพื่อนของพ่อคนหนึ่งเกิดคร้านที่จะกากบาทหรือเบื่ออะไรขึ้นมาสักอย่าง แกไม่ยอมกากบาทในช่องกระดาษ แต่แกเล่นฉีกกระดาษออกเป็นผุยผงแทน ไม่สนใจนายที่นั่งอยู่หลังโต๊ะ พ่อบอกอีกว่า หลังจากนั้นความสำเร็จของงานจึงเปลี่ยนระบบใหม่ ป้องกันคนที่กาไม่ตรงกับคนอื่นๆ ได้น้อยที่สุดเช่นเพื่อนของพ่อจะกระทำการเช่นนั้นได้อีก และเขาก็ไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้นอีกแล้ว เพราะถูกไล่ออกหายไปจากบริษัท
ต่อมา เจ้านายจึงเพิ่มพนักงานขึ้นมาอีกแผนก ไว้ทำหน้าที่ฉีกกระดาษสำหรับกากบาท
หน้าที่ของพวกเขาคือ เมื่อแผนกของพ่อเลือกกากบาทในช่องแล้ว แผนกใหม่นี้ก็ทำการฉีกให้เป็นผงฝุ่นในทันที ราวกับการเล่นเกมก่อกองทรายของเด็กๆ ที่ริมชายหาด
พ่อผมกากบาทเสร็จ เพื่อนพ่ออีกคนในแผนกใหม่ (ความจริงแล้วคือแผนกเก่าแต่ถูกยกเลิกไปเมื่อ 14 ปีที่แล้ว) ก็ฉีกมันเสีย
หลังจากนั้นผมจึงไม่อยากเป็นนักเลือกตั้งเช่นพ่ออีกเลย เพราะผมไม่รู้ว่าจะกากบาทไปทำไม เมื่อรู้อยู่ว่า มันจะโดนฉีก หรือหากไม่โดนฉีก อีกไม่กี่นาทีต่อมาก็ต้องไปกาใหม่อีกครั้ง มันเป็นการกระทำที่ไม่มีวันจะสิ้นสุดได้
เมื่อผมเรียนจบจึงตั้งใจสมัครงานแบบเดียวกับแม่ แต่คนล่ะบริษัทกัน
นั่นคือการรินน้ำใส่แก้ว ผมดีใจมากที่เรียนจบมาแล้วได้งานในทันที
พ่อกับแม่ก็ดีใจและอวยพรให้ผมประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ส่วนตากับยายไม่มีโอกาสได้ยินดีกับผม เพราะทั้งสองหายตัวไปจากโลกเสียก่อน ไม่มีใครรู้เลยว่าตากับยายหายไปไหน ราวกับการระเหยหายของหยาดน้ำ
ดูไปแล้ว งานที่ผมทำก็ไม่มีอะไรยากเลย เพราะผมเห็นแม่ทำมาตั้งแต่เล็กๆ
ก็แค่ขัดถูแก้วและเหยือก แล้วรินน้ำลงแก้วให้เท่ากัน หลังจากนั้นจึงเทกลับลงในเหยือก แล้วทำอย่างนี้ไปจนจบวัน หมดไปอีกวัน ผมก็เริ่มต้นงานในเช้าวันใหม่ เป็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน กระทั่งผมพัฒนาการรินน้ำลงแก้วในท่วงท่าแปลกใหม่ซึ่งน้ำไม่หกลงพื้นเลยสักหยดเดียว
ผมได้เป็นพนักงานดีเด่นภายในปีแรก ปีนั้นผมได้โบนัสมากที่สุดในบริษัท
โลกของผมจะไปได้สวยแล้วเชียว ถ้าหากว่า พ่อกับแม่ของผมไม่หายตัวไปเสียก่อนเวลาอันควร
ทั้งสองหายตัวไปเช่นเดียวกับตาและยาย เช่นเดียวกับผู้คนที่หายไปก่อนหน้า บนโลกอันแสนโง่เง่านี้
วันนั้น ผมพยายามทำความเข้าใจต่อการหายไปของชีวิตคนเราทั้งวัน พร้อมกับที่รินน้ำลงแก้วไปด้วย ผมทำได้ดีเช่นเดิม แม้จะมีเรื่องรบกวนใจมากมาย เพราะผมพัฒนาการแยกแยะระหว่างมืออาชีพในงานกับเรื่องส่วนตัวได้เด็ดขาด
มีอยู่เพียงสิ่งเดียวในตอนบ่ายของวันนั้นที่รบกวนผม คือการหายไปของผมจะเกิดขึ้นเมื่อไร แล้วผมก็นึกย้อนถึงเพื่อนของพ่อที่อยู่ๆ เขาก็ฉีกกระดาษกากบาทขึ้นมา เขาคงจะค้นพบการหายไปของใครคนหนึ่ง หรือบางทีเขาอาจจะค้นพบการหายตัวตนไปของเขาในขณะทำงาน
เช่นนี้แล้ว ผมจึงเอาน้ำในเหยือกชูขึ้นสูงแล้วเทลงราดรดตัวเอง และกล่าวว่า
ผมไม่อยากเป็นอะไรอีก
ผมไม่อยากเป็นอะไรเลยจริงๆ นอกจากเป็นผมเอง-วารี.

เรื่องสั้น : 'รัตน์ คำพร

๔ ความคิดเห็น:

nagabook กล่าวว่า...

พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก
สรรพสิ่ง รวมทั้งมนุษย์เกิดแล้วก็ตาย มีตายแล้วก็เกิด
ทว่าเราจะทำอย่างไรให้เห็นความสดใหม่ในทุกๆ ยามเช้า
แม้เราจะรู้ว่า เช้านี้ก็เหมือนกับเช้าบางเช้า
แล้วเราจะมองเห็นความสดใหม่ของชีวิตระหว่างการเกิดกับการตายได้อย่างไร

anan กล่าวว่า...

คำถามนี้ ช่วยให้เราหวังขึ้น--ไม่ใช่หรือ ?

nagabook กล่าวว่า...

คำถามนี้จะย่อยลงสู่ปัจจุบันขณะได้อย่างไร

anan กล่าวว่า...

เห็นอารมณ์อย่างนี้อยู่ในงานคุณบ่อยๆ, พอมาเรื่องนี้ดูชัดและเป็นและเป็นแบบฉบับมากเลย